กลยุทธ์ขยายตลาด AEC ของ SMEs ไทย

หากพิจารณาตัวเลขประชากรในภูมิภาคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ที่มีสูงถึงเกือบ 600 ล้านคน ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองเพียงจีนและอินเดียเท่านั้น และเมื่อพิจารณาในเชิงคุณภาพที่อำนาจในการซื้อของผู้บริโภคในภูมิภาคนี้เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ภูมิภาคประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงในการเข้าไปขยายตลาดต่อยอดของผู้ประกอบการ SMEs ของไทย


ในการบริหารการตลาดในAECของผู้ประกอบการ SMEs จะต้องคำนึงถึงปัจจัยต่างๆ ได้แก่ ประสบการณ์ระหว่างประเทศของผู้ประกอบการว่ามีเพียงพอหรือไม่ การขยายตัวของอุตสาหกรรมของตัวเองในภูมิภาคAECว่าอยู่ในระดับใด ลักษณะความเป็นสากล (การลดลงของอุปสรรคทางการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ) ในอุตสาหกรรมที่เข้าสู่ตลาด ความเสี่ยงของประเทศที่เข้าไปเปิดตลาด ความแตกต่างทางวัฒนธรรมของผู้บริโภค ศักยภาพทางการตลาดของผู้ประกอบการความรู้ทางการตลาด ระดับการแข่งขันและกลยุทธ์ที่
มุ่งใช้ในอุตสาหกรรมที่เข้าสู่ตลาด พันธมิตรทางธุรกิจในระดับสากล

เมื่อผู้ประกอบการได้ประเมินศักยภาพของตลาดและตัวเองในเบื้องต้นแล้ว ลำดับต่อมาคือการกำหนดรูปแบบกลยุทธ์ของผู้ประกอบการ SMEs ในการเข้าสู่ตลาด AEC ได้แก่ การส่งออก การทาสัญญาผลิต การให้ลิขสิทธิ์ การขยายแฟรนไชส์หรือการลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ

ผู้ประกอบการ SMEs จะต้องเตรียมความพร้อมด้วยการศึกษาข้อมูลสภาพแวดล้อมทั่วไป ภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงรสนิยมของผู้บริโภคในตลาดอาเซียนเพื่อเลือกเข้าสู่ตลาดที่ถูกต้องรวมทั้งต้องตระหนักถึงความสำคัญของการแบ่งส่วนทางการตลาดและการเลือกตลาดเป้าหมาย โดยการจัดแบ่งลูกค้าที่มีอยู่ทั้งหมดออกเป็นกลุ่มๆ จัดให้คนที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันหรือเหมือนกันด้านความต้องการในผลิตภัณฑ์ มีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าทางการตลาดเหมือนกันการแบ่งส่วนทางการตลาดให้เล็กลงไปสู่การตลาดเฉพาะส่วน การตลาดท้องถิ่น การตลาดเฉพาะบุคคล จะทำให้ทราบถึงความต้องการและความพอใจของแต่ละส่วนตลาด ทำให้สามารถเลือกตลาดส่วนย่อยส่วนหนึ่ง หรือหลายส่วนมาเป็นตลาดเป้าหมายได้ ทำให้นักการตลาดวิจัยตลาดและศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่มได้ง่ายและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น และทำให้การวางแผนทางการตลาดเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

หลักเกณฑ์ในการแบ่งส่วนตลาดผู้บริโภค ได้แก่ การแบ่งโดยใช้เกณฑ์ภูมิศาสตร์ คือ การแบ่งตลาดออกมาตามประเทศรัฐ จังหวัด อาเภอ ตาบลหมู่บ้าน บริษัท การแบ่งโดยใช้เกณฑ์ประชากรศาสตร์ เช่น อายุ เพศ ขนาดครอบครัว รายได้ อาชีพการศึกษา ศาสนา เชื้อชาติ การแบ่งโดยใช้เกณฑ์ลักษณะทางจิตวิทยา โดยใช้เกณฑ์รูปแบบการดำเนินชีวิต บุคลิกภาพ ชนชั้นทางสังคม ค่านิยม และการแบ่งโดยใช้เกณฑ์พฤติกรรมการใช้หรือตอบสนองต่อผลิตภัณฑ์ เช่น โอกาสในการซื้อการแสวงหาผลประโยชน์ สถานะของผู้ใช้อัตราการใช้ผลิตภัณฑ์ สภาพความซื่อสัตย์ขั้นตอนความพร้อม ทัศนคติ


หลังจากนั้นจะเป็นการพัฒนากลยุทธ์การตลาดของผู้ประกอบการ SMEs เพื่อบริหารการตลาดระหว่างประเทศให้ประสบความสำเร็จด้วยส่วนประสมทางการตลาด (Marketing Mix : 4 P’s) ประกอบด้วย 1. ผลิตภัณฑ์ (Product)พัฒนา

ผลิตสินค้าให้ตรงตามความต้องการของตลาด สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ สร้างความแตกต่างในด้านผลิตภัณฑ์ สร้างแบรนด์ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้ และให้ความสำคัญกับการทาวิจัยและพัฒนา 2. ด้านราคา (Price) จะต้องตั้งราคาตามเกรด/คุณภาพของแต่ละชนิดของสินค้า โดยการกำหนดกลยุทธ์ด้านราคา ต้องคำนึงถึงคุณค่าที่รับรู้ในสายตาของลูกค้า ต้นทุนสินค้าและค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง การแข่งขัน ปัจจัยอื่นๆ 3. การจำหน่าย (Place) ต้องคำนึงถึงระบบโลจิสติกส์ ในการกระจายสินค้าด้วยได้แก่ การกระจายตัวสินค้า หรือการสนับสนุนการกระจายตัวสินค้าสู่ตลาด การขนส่ง การเก็บรักษาสินค้า การคลังสินค้า และการบริหารสินค้าคงเหลือ การส่งเสริมการตลาด (Promotion) ในการสื่อสารเพื่อสร้างความพึงพอใจต่อตราสินค้าหรือบริการ
 ประกอบด้วยการโฆษณา การประชาสัมพันธ์ การขายโดยพนักงานขาย การส่งเสริมการขาย
 และการตลาดทางตรง ซึ่งจะต้องประสมประสานทั้งหมดนี้ไปในทิศทางเดียวกัน ที่สามารถ
บ่งบอกถึงคุณลักษณะเฉพาะ หรือจุดขายผลิตภัณฑ์ (Uniqueness)

บริหารพนักงานองค์กรหลากวัฒนธรรม
       ใกล้เปิดเสรีอาเซียนแล้ว องค์กรของคุณมีแผนรับพนักงานต่างชาติ หรือโยกย้ายพนักงานจากประเทศอื่นในเครือข่ายมาร่วมงานหรือเปล่าเมื่อในองค์กรมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ย่อมต้องการการจัดการงานบุคคลที่ต่างไปจากเดิม จะทำอย่างไรให้คนต่างชาติต่างวัฒนธรรม สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น นี่คือสิ่งที่ต้องวางแผนล่วงหน้า

ศึกษาวัฒนธรรมที่แตกต่างกันของพนักงานแต่ละชาติ ทำความเข้าใจความรู้สึกนึกคิด ความเชื่อ ค่านิยม ที่ทำให้เขาแสดงพฤติกรรมที่แตกต่างจากเรา เข้าใจว่าที่เขาทำอย่างนี้เพราะประเทศเขาเป็นแบบนี้ ในขณะเดียวกันก็ให้เขาทำความเข้าใจกับวัฒนธรรมของเราด้วย จะได้ปรับเข้าหากัน เพื่อการทำงานที่ราบรื่น เข้าอกเข้าใจกัน

ให้พนักงานทำกิจกรรมร่วมกัน เปิดโอกาสให้พนักงานทำความรู้จักกัน เสริมสร้างทีมเวิร์ก ให้เกิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยอาจมีกิจกรรมให้พนักงานร่วมกันระบุความแตกต่างที่พบในการอยู่ร่วมกับชาวต่างชาติ พร้อมให้เสนอแนวทางการปรับตัวเข้าหากันแบบ win-win สบายใจกันทุกฝ่าย


สื่อสารให้พนักงานเห็นความสำคัญของความแตกต่าง
เมื่อมีคนใหม่ ๆ เข้าจะช่วยพัฒนาองค์กรได้อย่างไร และเมื่อมีความสำเร็จเกิดขึ้น ให้แสดงความชื่นผ่านอีเมล จดหมายเวียน หรือบนบอร์ดประชาสัมพันธ์ กระตุ้นบรรยากาศการทำงานให้พนักงานต้องการพัฒนาตนเองเพื่อจะเป็นที่ชื่นชมและยอมรับจากองค์กรเช่นกัน

จัดฝึกอบรมพนักงานในเรื่องการเปิดรับความแตกต่างทางด้านวัฒนธรรม การทำงานร่วมกันในองค์กรที่มีความหลากหลายด้านวัฒนธรรม ทั้งนี้ ควรใช้จากวิทยากรภายนอกซึ่งจะแนะนำแนวทางอย่างปราศจากอคติ

ทำแบบสำรวจความพึงพอใจในการทำงาน สไตล์การทำงานแบบไหนที่พนักงานพึงพอใจ และส่งเสริมการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งวิธีการที่หัวหน้างานและผู้จัดการจะปกครองลูกน้องอย่างเหมาะสม เพราะพนักงานแต่ละคนมีความแตกต่างกัน วิธีการสื่อสารย่อมต้องมีความละมุนละม่อมแตกต่างกันไป

ประเมินสภาพแวดล้อมในการทำงานอย่างต่อเนื่อง หากพบปัญหาแตกต่างทางวัฒนธรรมให้รีบเข้าไปแก้ไข โดยการพูดคุยกับผู้เกี่ยวข้องทีละคน รับฟังปัญหา และหาทางคลี่คลาย พร้อมแจ้งให้พนักงานที่เกี่ยวข้องทราบถึงวิธีการแก้ปัญหาที่จะถูกนำมาใช้ต่อไป

          ไม่ว่าจะใช้วิธีการใดในการบริหารพนักงานที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมควรอยู่บนพื้นฐานของการเปิดใจยอมรับในความแตกต่าง พยายามศึกษาเรียนรู้ ปรับตัวเข้าหากัน ก็จะสามารถเดินไปด้วยกันได้ตลอดทาง ทั้งยังเป็นการยกระดับองค์กรสู่ความอินเตอร์และเป็นที่ยอมรับในระดับสากลด้วย